Menu Close

ตอบโจทย์ 7 ประการ…หนทางสู่นักบริหาร

ตอบโจทย์ 7 ประการ...หนทางสู่นักบริหาร

นักบริหารที่ดีจะรู้ว่า  “การบริหาร” คือ สิ่งที่จะต้องเรียนรู้  ไม่มีใครเป็นนักบริหารที่ดีได้ในชั่วข้ามคืน  แน่นอนว่าการเรียนรู้มีหลายวิธี  และประสพการณ์ในการบริหารจะเป็นครูที่ดีที่สุด  ผมหมายถึงประสพการณ์ในฐานะของ “นักบริหาร” หรือในฐานะ”หัวหน้าทีมงาน”ที่แท้จริงครับ  ท่านต้องคิดวิเคราะห์และประเมินว่าท่านเป็นนักบริหารที่ดีหรือไม่จากประสิทธิภาพแลประสิทธิผลของสิ่งที่ท่านลงมือทำจริงเท่านั้น

               นอกจากนี้ท่านยังต้องเรียนรู้จากหัวหน้าของท่าน  (และจากหัวหน้าคนอื่น) อีกด้วย  ท่านจะเรียนรู้ถึงพฤติกรรมที่เหมาะสมเป็นที่ยอมรับซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่เป็นที่ยอมรับด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ผมขอเน้นถึงพฤติกรรมที่สำคัญพื้นฐานของนักบริหาร คือ “การนำ” และ “การจูงใจ” ทีมงาน  โดยหัวหน้าของท่านจะเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมที่ทำให้ทีมงานพบกับความสำเร็จสำเร็จหรือล้มเหลวได้อย่างชัดเจน

               มีคำกล่าวที่ว่า “เราเรียนรู้ที่จะบริหารงานจากนักบริหารงานที่ดีได้”  คำกล่าวนี้ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ  แต่ผมอยากเพิ่มเติมว่าท่านต้องมีวิธีการเรียนรู้จากท่านเหล่านั้นด้วย  ท่านต้องวางกรอบความคิดในการวิเคราะห์พฤติกรรมที่ท่านสังเกตุเห็น  เพื่อทำความเข้าใจและปรับปรุงในการนำไปใช้ต่อไป  และต้องเข้าใจด้วยว่าไม่มีทางที่ท่านจะแสดงพฤติกรรมแบบใดแบบหนึ่งกับทุกสถานการณ์ได้

               พฤติกรรมหรือทักษะในการบริหารมีมากมายหลายเรื่อง ซึ่งผมขอแบ่งเป็น 3 หมวดง่ายๆ  คือ หมวดการบริหารงาน  หมวดการบริหารคน   และหมวดการบริหารตัวเอง  และในการเรียนรู้ทักษะทั้งหมดนี้  ผมขอเสนอกรอบในการเรียนรู้ทักษะในการบริหารโดยท่านลองตอบโจทย์ดังต่อไปนี้

               โจทย์ที่ 1 การบริหารเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร (What management is about?)

               โจทย์ที่ 2 วัตถุประสงค์ของการบริหารคืออะไร (What is management objective?)

               โจทย์ที่ 3 กระบวนการบริหารเป็นอย่างไร (What is management process?)

               โจทย์ที่ 4 บทบาทและหน้าที่ของนักบริหารคืออะไร (What is management role and responsibility?)

               โจทย์ที่ 5 คุณสมบัติของนักบริหารคืออะไร (What is management quality?)

               โจทย์ที่ 6 ประสิทธิผลของนักบริหารคืออะไร (What is management effectiveness?)

               โจทย์ที่ 7 จะปรับปรุงประสิทธิผลของนักบริหารได้อย่างไร (How to improve management effectiveness?)

               การตอบโจทย์ทั้ง 7 ข้อจะช่วยให้ท่านวางกรอบความคิดที่ชัดเจนว่าท่านจะเรียนรู้การเป็นนักบริหารที่ดีกว่าเดิมได้อย่างไร โดยที่ไม่ได้เป็นการเรียนรู้แต่เพียงบางเรื่องหรือบางทักษะเท่านั้น  และทำให้ท่านพลาดโอกาสในการพัฒนาทักษะอย่างรอบด้าน

โจทย์ที่ 1 การบริหารเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

               ในความเห็นของผมการบริหารเป็นเรื่องของการตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้วก็ทำให้สำเร็จโดยทีมงาน  ซึ่งนั่นก็หมายความว่า “คน”เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดสำหรับการบริหาร   เพราะคนหรือทีมงานจะเป็นผู้ใช้ทรัพยากรอื่นๆในการบริหาร  ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรด้านความรู้  ด้านการเงิน  ด้านเทคโนโลยี่  ด้านวัตถุดิบ  ด้านเครื่องจักรกล  เป็นต้น   แต่อย่างไรก็ตามนักบริหารบางทีก็คิดแต่จะใช้ทีมงาน โดยลืมนึกไปว่าตัวเองจะต้องมีบทบาทสำคัญที่สุดในการนำทีมงาน  และทำให้พลาดไปได้อย่างน่าเสียดาย

               นักบริหารต้องไม่มอบหมายให้คนอื่นทำงานทุกอย่างโดยขาดการประเมินและติดตามงานได้   นักบริหารต้องใช้ความสามารถของตัวเองในทุกด้าน  เพื่อให้มั่นใจว่างานจะบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล  ยกตัวอย่างทักษะที่ต้องใช้  เช่น ความเข้าใจในสถานการณ์หรือตัวปัญหา   การวิเคราะห์หาสาเหตุ  การกำหนดทางเลือก  การประเมินผลได้ผลเสียของทางเลือก  และบ่อยครั้งที่นักบริหารที่ดีต้องใช้สัญชาตญาณส่วนตัวด้วย  เพราะแม้ว่าจะได้ข้อมูลที่จำเป็นหรือได้รับผลการวิเคราะห์และประเมินทางเลือกต่างๆจากทีมงานแล้ว  แต่จะไม่มีเหตุการณ์หรือปัญหาใดในการบริหารที่สามารถวิเคราะห์หาคำตอบที่ถูกต้องชัดเจนได้   นักบริหารจึงต้องประเมินและกล้าตัดสินใจด้วยตัวเองเสมอ

               นักบริหารที่ไม่ตัดสินใจไม่ใช่นักบริหาร  เป็นแต่เพียงนักวิเคราะห์และเสนอทางเลือกสำหรับการตัดสินใจเท่านั้น  ไม่สามารถพูดได้ว่าทำงานได้สำเร็จตามความคาดหวังขององค์กรได้เลย

               ดังนั้น  ผมจึงขอสรุปว่าการบริหาร คือ การตัดสินใจและการลงมือปฎิบัติจริงโดยการใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างถูกต้อง  รวมถึงทักษะและสัญชาตญาณของนักบริหารเองด้วย  และทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการบริหารก็คือ “คน”

โจทย์ที่ 2 วัตถุประสงค์ของการบริหารคืออะไร

               การบริหารจึงเป็นกระบวนการที่มุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายโดยใช้ทรัพยากรทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเป็น คน  วัสดุสิ่งของ   เงินทุน  เครื่องจักรเครื่องมือ  และเทคโนโลยี่ขององค์กร   หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าเป็นการเพิ่มคุณค่าของทรัพยากรดังกล่าว  โดยต้องใช้ทักษะและความทุ่มเทของนักบริหารในการทำให้สำเร็จ

โจทย์ที่ 3 กระบวนการบริหารเป็นอย่างไร

               กระบวนการบริหารอาจแบ่งออกเป็นขั้นตอนหรือกระบวนการย่อยได้หลายขั้นตอนที่ถูกออกแบบให้ต้องปฎิบัติต่อเนื่องกัน  เพื่อนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของงาน   การออกแบบหรือแบ่งเป็นขั้นตอนย่อย  ก็เพื่อให้เหมาะสมกับงานแต่ละอย่างที่อาจจะมีวิธีการทำงานและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน

               นักวิชาการด้านการบริหารในยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม ได้แบ่งกระบวนการบริหารออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ

               ขั้นตอนที่ 1 การวางแผน  (Planning) หมายถึง  การตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรบ้าง  และทำ อย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

               ขั้นตอนที่ 2  การจัดองค์กร (Organizing) หมายถึง  การเตรียมหน่วยงานและบุคคลากรให้ทำงานต่างๆตามแผนที่ได้กำหนดไว้แล้ว

               ขั้นตอนที่ 3 การจูงใจ (Motivating)  หมายถึง  การใช้ภาวะผู้นำของนักบริหารในการกระตุ้นจูงใจให้ทีมงานทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

               ขั้นตอนที่ 4 การควบคุม (Controlling)  หมายถึง  การวัดผลงานและติดตามงานเป็นระยะๆ ให้งานมีความก้าวหน้า   และปรับปรุงแก้ไขในกรณีที่งานไม่เป็นไปตามแผน

               นักวิชาการในยุคต่อมาซึ่งเน้นในเรื่องของการสังเกตุพฤติกรรมจริงของนักบริหารพบว่า  บ่อยครั้งที่การทำงานจริงไม่เป็นไปตามกระบวนการต่างๆที่วางไว้   เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่มากระทบกับการทำงาน  ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลหรือสถานการณ์  และสภาพแวดล้อมต่างๆที่ทำให้นักบริหารต้องปรับเปลี่ยนการตัดสินใจถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วนักบริหารจะต้องพยายามควบคุมปัจจัยต่างๆให้ได้ก็ตาม   และในทางกลับกัน  นักบริหารมักจะถูกบังคับจากสถานการณ์ต่างๆมากกว่า

               นักบริหารจึงต้องมีทักษะในการบริหารภายใต้ความไม่แน่นอนของปัจจัยทั้งหลายมากยิ่งไปกว่าการยึดติดกับแผนงานหรือขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว   ทักษะดังกล่าวนี้คือการบริหารในสภาวะของความยุ่งเหยิง  และอาจมีความขัดแย้งหรือไม่สอดคล้องกันของปัจจัยต่างๆ  ซึ่งจะต้องจัดการให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการให้ได้

โจทย์ที่ 4 บทบาทและหน้าที่ของนักบริหารคืออะไร

               ในการทำงานแต่ละวันนักบริหารอาจจะต้องพบกับเรื่องต่างๆมากมาย   บางครั้งอาจจะต้องคุยกับฝ่ายการตลาดเพื่อออกสินค้าตัวใหม่  อาจจะต้องปรึกษากับฝ่ายบุคคลเพื่อจัดหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ  อาจจะต้องขอให้ฝ่ายผลิตลดต้นทุนการผลิต  ตลอดจนอาจจะต้องให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัท เป็นต้น   ถ้าอย่างนั้น บทบาทของนักบริหารคืออะไรกันแน่

               เราอาจจะกล่าวได้ว่านักบริหารต้องมีบทบาทในทุกขั้นตอนของกระบวนการบริหารดังดล่าวแล้ว   ทั้งในการวางแผน  การจัดองค์กร  การจูงใจ  และการควบคุม    การพูดอย่างนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักการเท่านั้นและคงไม่มีใครเถียงได้   แต่จะมีประโยชน์ต่อการเข้าใจบทบาทในการบริหารงานทุกๆวันจริงหรือ

               ผมอยากจะเสนอให้มองบทบาทในการทำงานแต่ละวันของนักบริหารในมุมมองง่ายๆว่า   บทบาทของนักบริหารจะเกี่ยวข้องกับเรื่องต่อไปนี้

  • การทำงานให้สำเร็จโดยติดตามและกระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าของงานอยู่ตลอดเวลา
  • การประเมินสถานการณ์หรือปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
  • การแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี

บทบาทเหล่านี้ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคล   การติดต่อสื่อสารอย่างชัดเจนและมีประสิทธิผล  ตลอดจนการวิเคราะห์และประมวลผลที่แม่นยำ    และการตัดสินใจที่ถูกต้องเป็นอย่างมาก

โจทย์ที่ 5 คุณสมบัติของนักบริหารคืออะไร

โจทย์ข้อนี้คงจะมีคำตอบมากมายสำหรับท่านทั้งหลาย   แต่ผมขอยกคุณสมบัติที่สำคัญของนักบริหารเพื่อเป็นกรอบความคิดดังนี้        

  • การแสวงหาข้อเท็จจริง
  • การใช้ความรู้ที่ถูกต้อง
  • การรับรู้และยืดหยุ่นต่อความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์
  • การวิเคราะห์  การแก้ปัญหา  และการตัดสินใจ 
  • ทักษะและความสามารถทางด้านสังคม
  • การควบคุมอารมณ์
  • ความกระตือรือร้น
  • ความคิดสร้างสรร
  • การพัฒนาตัวเอง

               คุณสมบัติของนักบริหารในแต่ละองค์กรอาจจะมีความแตกต่างกันไป  ขึ้นอยู่กับปัจจัยแห่งความสำเร็จขององค์กร   เช่น  สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ นักบริหารอาจต้องเหนื่อยกับการสื่อสารกับสมาชิกขององค์กรทุกคนเป็นอย่างมาก  เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนเข้าใจในเป้าหมายขององค์กร  และจะทำงานในความรับผิดชอบของตัวเองสอดคล้องและสนันสนุนกับคนอื่นๆ   แต่สำหรับองค์กรขนาดเล็กที่มีสมาชิกเป็นผู้มีความรู้ความสามารถสูง  มีความเชี่ยวชาญในงานเป็นอย่างดี   นักบริหารอาจไม่ต้องเสียเวลากับการสื่อสารกับสมาชิกมากนัก    แต่ต้องการความคิดสร้างสรรของสมาชิกแต่ละคน   เพื่อคิดค้นนวัตกรรมสำหรับการแข่งขันมากกว่า

โจทย์ที่ 6 ประสิทธิผลของนักบริหารคืออะไร

               ในการวัดประสิทธิผลของนักบริหาร  เราจะเปรียบเทียบสิ่งที่นักบริหารถูกคาดหวังให้ทำกับสิ่งที่นักบริหารทำได้จริง  ซึ่งก็คือการประเมินผลงานนั่นเอง  โดยในการประเมินผลงานจะต้องประเมินทั้งผลลัพธ์จริงของงาน(Result หรือ Achievement) และพฤติกรรม (Skill and behavior) ของนักบริหารเองด้วย

               ผลงานหรือความสำเร็จของงานนั้นวัดได้ง่าย  เพราะมองเห็นได้อย่างชัดเจน  รวมทั้งสามารถกำหนดเป็นตัวชี้วัด (Key Performance Indicator-KPI) ที่เป็นตัวเลขได้   แต่ทักษะหรือพฤติกรรมนั้นนิยมวัดเป็นสมรรถนะในการทำงาน (Competency)  ซึ่งหมายถึง  ความสามารถหรือสิ่งที่นักบริหารมีอยู่และได้แสดงออกมาเป็นพฤติกรรมในการทำงาน

               สมรรถนะในการทำงานของนักบริหารมีหลายประการซึ่งพอจะยกเป็นตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้

  • การมุ่งมั่นต่อความสำเร็จของงาน
  • ความเข้าใจลึกซึ้งต่อการบริหารธุรกิจ
  • การคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
  • การมุ่งตอบสนองต่อลูกค้า
  • ภาวะผู้นำ
  • การทำงานเป็นทีม
  • การแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง
  • การบริหารความเปลี่ยนแปลง
  • การพัฒนาผู้อื่นและตัวเอง
  • การติดต่อสื่อสาร

โจทย์ที่ 7 จะปรับปรุงประสิทธิผลของนักบริหารได้อย่างไร

               การปรับปรุงประสิทธิผลของนักบริหาร ก็คือ การฝึกฝนและพัฒนาคุณสมบัติ และสมรรถนะของนักบริหารดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั่นเอง  ปัญหาคือจะปรับปรุงด้วยวิธีใด  แม้ว่าประสพการณ์ในการลงมือบริหารเองจะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกฝนและพัฒนา   แต่การเรียนรู้จากหัวหน้าหรือบุคคลอื่นก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน  ในระบบการบริหารงานปัจจุบัน  มักจะมีระบบการสอนงานแบบพี่เลี้ยง (Mentor)  เพื่อเตรียมพร้อมนักบริหารรุ่นใหม่  ประสพการณ์และสมรรถนะของพี่เลี้ยงจะถูกถ่ายทอดจากพี่เลี้ยงสู่นักบริหารที่พี่เลี้ยงดูแลอยู่   เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ไม่น่าเบื่อ  และเป็นการฝึกฝนจากประสพการณ์จริงของทั้งพี่เลี้ยงและตัวนักบริหารเอง  วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ได้ผลในการพัฒนาการเรียนรู้และเพิ่มประสิทธิผลของนักบริหารอย่างได้ผล

               โจทย์ทั้ง 7 ข้อ อาจใช้เป็นกรอบความคิดในการประเมินดูว่าท่านมีความเข้าในในการเป็นนักบริหารที่ดีมากน้อยเพียงใด  ท่านได้หลงลืมคุณสมบัติหรือทักษะที่จำเป็นอะไรหรือไม่   เพื่อที่จะก้าวไปสู่การเรียนรู้เพื่อเป็นนักบริหารที่ “เจ๋ง” กว่าเดิม